ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันงาดำสกัดเย็น

W e l c o m e j c

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันงาดำสกัดเย็น

เซซาแม็กซ์ สารสกัดน้ำมันงาดำ
งาดำนั้นเป็นพืชที่ถูกใช้กันอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมายาวนานกว่า 5,000ปี แล้ว โดยแพทย์จีนที่ใช้ในเรื่องการรักษาสมานกระดูกและใช้เป็นอาหารในการบำรุงตับและไตได้เป็นอย่างดี ด้านการแพทย์ญี่ปุ่นก็มีการแนะนำให้รับประทานงาดำเพื่อช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง
งาดำนั้นถึงแม้เมล็ดจะเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ใหญ่เกินเมล็ดของมันมากมาย น้ำมันงาดำนั้นเป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นไขมันชนิดดี (HDL) ที่ป้องกันการพอกติดของคอเลสเตอรอลกับผนังหลอดเลือดแดง งาดำนนั้นมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่สูงมากซึ่งคนทั่วไปมักไม่ทราบกันว่างาดำนั้นมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 3 เท่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน การที่เราได้รับแคลเซียมที่เพียงพอนั้นช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน ป้องกันโรคข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย
ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเลือดของเรา หากร่างกายเรามีธาตุเหล็กอยู่น้อยเกิน จะส่งผลให้มีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยลง เมื่อมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลงก็ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายไม่เป็นปกติ เพราะเม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียนสูบฉีดในร่างกาย ช่วยให้เกิดกระบวนการของการนำออกซิเจนมาสำหรับใช้หมุนเวียนในร่างกายเรา ทำให้ระบบร่างกายโดยรวมทำงานได้ปกติ
งาดำนั้นมีวิตามินบีรวมอยู่สูง ซึ่งจะช่วยในเรื่องบำรุงสมองและปกป้องระบบประสาท ช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะ ช่วยให้ทำงานได้อย่างปกติ นอกจากนี้ น้ำมันงาดำยังมีวิตามินอีสูงด้วย ซึ่งจะช่วยเรื่องระบบฮอร์โมนและในเรื่องการบำรุงผิวพรรณและเส้นผม ทำให้เราดูอ่อนเยาว์สมวัย
ในเมล็ดงาดำเม็ดเล็กๆนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของเราอยู่มากมาย ซึ่งทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่ขาดสารอาหารเลยทีเดียว สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาดำได้แก่งาดำนั้นมีโปรตีนอยู่สูง มีประกอบอยู่ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารองค์รวม และตัวโปรตีนในงาดำนั้นก็ย่อยง่ายและถูกแปลงเป็นรูปกรดอะมิโนที่ร่างกายเราสามารถนำไปใช้ได้ดีอย่างครบถ้วน
มีกากใยสูง ซึ่งจำเป็นในการส่งเสริมการขับถ่ายและขจัดสารพิษ การรับประทานอาหารกากใยสูงเป็นประจำยังส่งเสริมการย่อยและป้องกันโรคที่เกิดจากสารพิษ หรือมีของเสียตกค้าง เช่น มะเร็งลำไส้ ได้ด้วย
คาร์โบไฮเดรตชนิดดี ซึ่งการที่ได้รับประทานคาร์โบไฮเดรตชนิดดีเข้าสู่ร่างกายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายเราจากการย่อยคาร์โบไฮเดรตนั้น ถ้าการย่อยเป็นน้ำตาลเร็วเกินไป ตับอ่อนจะทำงานหนัก และสารอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ควบคุมน้ำตาล) จะทำให้ระบบอื่นๆ รวน โดยเฉพาะหลั่งมากผิดปกติ
วิตามิน Bรวมสูง โดยเฉพาะวิตามิน B6 ดังที่ทราบทั่วไปว่า วิตามิน B เป็นกลุ่มสารอาหารที่บำรุงและปกป้องสมองและรวมถึงระบบประสาทที่ ทำให้ทำงานได้อย่างปกติ และช่วยชะลอความเสื่อมของระบบด้วย
สารอาหารโอเมก้า ในน้ำมันทุกชนิดล้วนมีสารโอเมก้า ไม่ว่าจากพืชหรือสัตว์ แต่ความสมดุลของโอเมก้านั้นจะมีไม่เท่ากัน น้ำมันงาดำมีความสมดุลของโอเมก้า 3, 6 และ9 ที่เป็นประโยชน์กับระบบสมองและหัวใจของเราอยู่สูง และยังช่วยส่งเสริมการเพิ่มไขมันตัวดีให้กับร่างกายของเราอีกด้วย
สารอาหารจำเป็นอื่นๆ ที่มีในงาดำ คือแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, แมงกานีส, เหล็ก, ทองแดง, แมกนีเซียม, ซิ้งค์, และไทรนิน
เป็นแหล่งสำคัญของทริปโทแพน ที่พวกเรารู้จักดีในนามว่า วิตามิน E นั่นเอง ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบฮอร์โมน, บำรุงผมและผิวของเราให้อ่อนเยาว์นุ่มนวลอยู่เสมอ, ปกป้องและช่วยขับสารพิษ, ป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับตา และลดโอกาสการข้นของเลือด ซึ่งลดโอกาสเกิดโรคหัวใจด้วย
มีสารเฉพาะตัว 3 ชนิดที่สำคัญและเป็นประโยชน์สูงกับร่างกายเรา คือ สารเซซามีน (Sesamin), สารเซซาโมลิน (Sesamolin หรือ D-Sesami) และ สารซาเซมอล (Sasemol) สารที่มีประโยชน์ทั้ง 3 ตัวนี้มีคุณสมบัติทางด้านการแพทย์เป็นอย่างสูง ซึ่งจะหาได้ในเฉพาะงาดำเท่านั้น ไม่สามารถหาได้ในแหล่งอื่นๆ สารทั้ง 3 ตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดีมาก ซึ่งมากกว่าสารอื่นๆ หลายเท่า และยังช่วยในการป้องกันและส่งเสริมอวัยวะภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหัวใจ, สมอง, ปอด, ตับ, และไตของเรา แถมยังดีต่อผิวพรรณและเส้นผมอีกด้วยโรคความดันสูงสามารถควบคุมได้ด้วยการบริโภคน้ำมันงาดำ
หนึ่งโรคยอดนิยมตลอดกาลที่ไม่มีใครพึงปรารถนานั้นก็คือโรคความดันโลหิตสูง สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะต้องรับประทานยาลดความดันจากแพทย์แผนปัจจุบันเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตแต่ปัจจุบันนี้ มีการวิจัยที่ค้นพบแล้วว่า น้ำมันงาดำสกัดเย็นนั้นมีสารอาหารและแร่ธาตุประกอบสำคัญเด่นๆ 5 ชนิดที่มีประโยชน์มากในการช่วยรักษาและควบคุมโรคความดันโลหิตสูงให้อยู่ในสภาวะปกติได้ ซึ่งก็คือโอเมก้า 3-6-9, แมกนีเซียมและสังกะสี, สารเซซามิน, วิตามินอีและไขมันชนิดดี (HDL)
โอเมก้า 3-6-9 ในน้ำมันงาดำนั้นจะช่วยดูแล ปกป้องหัวใจของเรา ช่วยซ่อมแซมเส้นเลือดที่สึกหรอให้ทำงานได้อย่างปกติ ส่วนแมกนีเซียมและสังกะสีนั้น จะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตและยังช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติด้วย
สำหรับสารเซซามินที่พบเฉพาะแต่ในงาดำนั้น มีสรรพคุณเด่นในการช่วยบำรุงหัวใจและไต ส่งเสริมระบบสูบฉีดเลือดให้ดำเนินไปอย่างปกติ ส่วนวิตามินอีที่อยู่ในน้ำมันงาดำสกัดเย็น จะช่วยเข้าไปล้างชำระหลอดเลือดให้สะอาด ลดการอุดตันในเส้นเลือดและช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และตัวไขมันชนิดดี (HDL) นั้น จะเข้าไปช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือดของเรา ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดและหัวใจ
การรับประทานน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งเป็นอาหารเสริมจากธรรมชาตินั้น สามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งการรับประทานน้ำมันงาดำอย่างสม่ำเสมอพร้อมอาหารที่ครบหมู่ จะช่วยให้หลอดเลือดเราสะอาด มีความยืดหยุ่น จะส่งผลให้การทำงานของระบบเส้นเลือดและหัวใจทำงานได้ดีเป็นปกติ ซึ่งในที่สุดสภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆปรับลดลง และจะสามารถปรับมาอยู่ในระดับคงตัวในสภาวะที่ เหมาะสมได้

น้ำมันงาดำกับมะเร็ง

 

 สำหรับตัวงาดำนั้น ได้มีงานวิจัยที่เกี่ยวกับการนำมาใช้เพื่อบำบัด รักษา และยับยั้งเชื้อมะเร็ง โดยกล่าวถึงตัวสารเซซามอล (Sesamol) และดี-เซซามิน ที่เป็นตัวสารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะตัวที่ีมีในงาดำเท่านั้น
จากการศึกษาวิจัยทั้งในฝั่งโซนเอเชียบ้านเรา รวมถึงฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาพบว่า ตัวสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในงาดำนี้มีผลทำให้เชื้อมะเร็งนั้นเจริญเติบโตได้ช้า อีกทั้งยังไปช่วยตัดเส้นทางในการลำเลียงอาหารเข้าไปสู่เซลล์มะเร็ง โดยมีการวิจัยโดยใช้หนูทดลองนั้น
มีผลลัพธ์ที่ดีที่สารต้านอนุมูลอิสระนี้สามารถต่อต้านและมีประสิทธิภาพถึงขั้นรักษามะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งรังไข่
ดังที่่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น การที่เราได้บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระที่กล่าวนี้เป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน จะส่งผลดีให้ร่างกายเราในการป้องกันการอักเสบเรื้อรังในอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจนำมาสู่สาเหตุในการเกิดเชื้อมะเร็งได้ทีหลัง ซึ่งโดยรวมก็คือการป้องกันการเกิดมะเร็งต่างๆ
สารอื่นๆที่มีในงาดำนั้น ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายต่อร่างกายเรา ในการช่วยเสริมสร้างเซลล์ต่างๆให้ทำงานอย่างปกติ, ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี (คอเลสเตอรอล), ช่วยลดการพอกชั้นของไขมัน ฯลฯ

 

สรรพคุณและประโยชน์ของงาดำ

 

เซซามิน สารสกัดงาดำ

คุณประโยชน์หลากประการของน้ำมันงาดำ

(Benefits of Cold Pressed Black Sesame Oil)

  1. ลดอาการของโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบ (Anti Arthritis)

  2. วิตามินอีสูง ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (High in Vitamin E)

  3. เสริมสร้างกระดูก (Rebuild and Maintain Bone Health)

  4. มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง (High in Good Fat to improve to HDL Level)

  5. บำรุงและขับพิษตับและไต (Nourish and Detoxify Liver and Kidneys)

  6. ช่วยลดความดัน(Anti Hypertensions)

  7. ลดอาการภูมิแพ้ (Anti Allergy)

  8. ป้องกันเซลล์ลและดีเอ็นเอจาการทำลายและเสื่อมโทรม (Protect Cells and DNA from Damaging)

  9. ต่อต้านและยับยั้งเชั้อมะเร็ง (Anti Cancer)

  10. ล้างหลอดเลือด ลดความดันโลหิต บำรุงหัวใจ (Clean Cardiovascular System to Imporve Blood Pressure and Nourish the Heart)

  11. ช่วยป้องกันและรักษาเบาหวาน (Prevent and Treat Diabetes Mellitus)

  12. บำรุงสมอง(Nourish and Booth Brain Functions)

  13. เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัด (Booth Immunity to Influenza)

  14. ลดอาการปวดท้องประจำเดือน( Pre Menopausal Pain Disorder)

  15. ลดน้ำหนักด้วยการกินไขมัน(Weight Control)

  16. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศและบดปัญหาการมีบุตรยาก (Treat Impotent and Infertility)

  17. การเพิ่มความสูงในวัยเด็ก (Increase Height in Teenagers)

  18. เสริมแรง แก้อ่อนล้า (Treat Chronic Fatique Syndrome)

  19. ลดอาการหมักหมมในช่องท้องและสำไส้ (Reduce Osbtruction of Toxin in Digestive Organs)

  20. ลดอาการตะคริวกล้ามเนื้อ (Anti Muscle Spasm)

  21. บำรุงผิวพรรณและเส้นผม(Nourish Skin and Hair)

กินน้ำมันงาดำ ได้วิตามินอีสูง ช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านความเสื่อม

 

 

 วิตามินอี เป็นสารที่เราควรได้รับเข้าสู่ร่างกายทุกวัน เพราะวิตามินอีมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่รักการบำรุงผิวพรรณ, เส้นผม อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ วิตามินอียังช่วยให้หลอดเลือดของเรามีการยืดหยุ่นที่ดี และก็ยังดีต่อหัวใจเราอีกด้วย
การรับประทานวิตามินอีในรูปแบบอาหารเสริมนั้น ก็จะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถต่อต้านความเสื่อมและชะลอความแก่ได้ ในน้ำมันงาดำนั้น มีวิตามินอีธรรมชาติในกลุ่ม โทโคฟีรอล (Tocopherol) และกลุ่มโทโคไตรอินอล (Tocotrienol) อยู่สูง สำหรับคนปกติทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รับประทานวัน 400-600 IU แต่หากในกรณีที่ต้องใช้สำหรับรักษาผู้ป่วย แพทย์อาจจะให้รับประทานในปริมาณที่สูงขึ้นหลายเท่า ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบดีว่า การรับประทานวิตามินอีธรรมชาติ แบบที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นไม่เป็นอันตรายหรือมีผลข้างเคียงใดๆ
ข้อดีของการรับประทานวิตามินอีที่มาในรูปแบบของน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งเป็นในรูปแบบธรรมชาตินั้นก็คือ จะทำให้เกิดการดูดซึมได้สูง และยังไปช่วยในการส่งเสริมให้วิตามินอีในรูปอื่นๆ ที่มีอยู่ในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากสรรพคุณที่เป็นเลิศในด้านต้านอนุมูลอิสระที่เหมือนยาอายุวัฒนะในการต่อต้านความเสื่อมหรือชะลอวัยแล้วนั้น วิตามินอียังมีประโยชน์ในการปกป้องและขับสารพิษ, ป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา, ช่วยบำรุงสมอง, ลดไขมันคอเลสตอรอล, ช่วยย่อยและควบคุมน้ำตาล, ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม, ช่วยเร่งการซ่อมแซมผิวและปกป้องแสงแดดที่จะมาทำลายผิว, และยังลดโอกาสเกิดการข้นของเลือด ซึ่งทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคหัวใจนั่นเอง
กินน้ำมันงาดำช่วยลดอาการโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้อย่างไร

 

 สภาวะการเสื่อมของไขข้อและการอักเสบในร่างกายเรานั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ในทางการแพทย์ เมื่อพูดถึงไขข้อเสื่อมนั้น จะหมายถึง กระดูกอ่อนและน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างข้อต่างๆ ในร่างกายเรา ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวถึง 4 กรณีหลักที่ก่อให้เกิดการเสื่อมของไขข้อและการอักเสบในร่างกายไว้ ดังนี้
กรณีแรกก็คือการที่มวลของกระดูกอ่อนลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กระดูกแข็ง 2 ข้อของเรากระทบกัน หรือทำให้มากดทับกัน ทำให้เราเกิดความเจ็บปวดขึ้น
กรณีที่ 2 ก็คือเกิดจากการที่น้ำหล่อเลี้ยงในข้อลดลง ซึ่งสภาวะนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่มวลกระดูกอ่อนลดลงก่อน น้ำหล่อเลี้ยงที่มีลักษณะใสและหนืดนี้ จะมีหน้าที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างกระดูกแข็งและกระดูกอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกอ่อนถูกทำลาย และก็ยังมีหน้าที่ลดแรงกระแทก เมื่อมีการลงน้ำหนักบนข้อต่างๆในร่างกายเรา
กรณีที่ 3 ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและไขข้อเสื่อม ก็คือการที่น้ำหล่อเลี้ยงรั่ว ซึ่งกรณีนี้ มักเกิดจากการที่เราประสบอุบัติเหตุ ที่ทำให้กระดูกอ่อนเกิดรอยแตก หรือถุงหุ้มน้ำหล่อเลี้ยงแตก หากกรณีนี้เกิดขึ้นกับเรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นความเจ็บป่วยที่เรื้อรัง

 

 สำหรับกรณีสุดท้ายที่ทำให้เกิดสภาวะการเสื่อมของไขข้อ และการอักเสบได้ก็คือเกิดการกัดกินของกรด ซึ่งมักจะเกิดจากการที่ร่างกายเรานั้นขาดความสมดุลของสารอาหารหรือสารเคมี ที่มีสาเหตุหลักๆอยู่ 3 ประการก็คือ เรื่องของการบริโภค, เรื่องพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นสูบบุหรี่และดื่มเหล้า และเรื่องของระบบการทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ สาเหตุเหล่านี้ก่อให้เกิดสภาวะโรคไขข้อเสื่อม และการอักเสบขึ้น ซึ่งโรคที่เราพบเห็นได้บ่อยๆก็คือ โรคไขข้ออักเสบหรือที่รู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า โรคเกาต์ (Arthritis) นั่นเอง
แน่นอนว่า การเสื่อมของไขข้อก็ย่อมทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดตามมา แต่ในบางกรณีการอักเสบก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมของไขข้อได้เช่นกัน แต่ทว่า การอักเสบที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการอักเสบที่ยังไม่แสดงอาการให้เห็น ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่พบได้ว่า อาการอักเสบนี้ถูกละเลย จนเกิดกลายเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมของไขข้อขึ้น
ปัจจุบันนี้ มีผลงานวิจัยทั่วโลกมากมายที่ทำการค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับน้ำมันงาดำ ซึ่งได้มีการกล่าวถึง และยกย่องน้ำมันงาดำว่า เป็นหนึ่งในสารอาหารเสริมที่มีสรรพคุณดีในด้านเกี่ยวกับโรคกระดูก ซึ่งก็คือมีสารต้านโรคกระดูกอักเสบ (Anti-osteoarthritis) และสารต้านโรคกระดูกเสื่อม (Anti-osteoporosis)
แพทย์แผนจีนและนักธรรมชาติบำบัดนิยมใช้งาดำในการช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้น เพราะงาดำนั้น มีสรรพคุณในการช่วยเข้าไปเพิ่มมวลกระดูกอ่อนและน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างข้อต่อในร่างกาย นอกจากนี้ น้ำมันงาดำซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นไขมันชนิดดี ที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างคอเลสตอรอลแบบดีได้ ซึ่งคอเลสตอรอลแบบดีนี้ ก็จะถูกปรับแปลงสภาพไป เพื่อใช้สำหรับการสร้างกระดูกอ่อน และสร้างน้ำหล่อเลี้ยงให้เกิดขึ้นใหม่ต่อร่างกายเรา
การบริโภคน้ำมันงาดำและสารที่จำเป็นอื่นๆนั้นดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเรา สิ่งดีๆ เหล่านี้ ที่ได้เรา
บริโภคไป จะช่วยเสริมให้ร่างกายไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะของโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้ ในทางกลับกัน สำหรับผู้ที่อยู่ในสภาวะโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบแล้วนั้น การบริโภคน้ำมันงาดำในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกับการที่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างเพียงพอในชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ จะช่วยลดอาการโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ลดความเจ็บปวดได้ดีขึ้นด้วย
ปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัยในเรื่องของงาดำที่เป็นกระแสที่มาแรงก็คือ ผลการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันมะเร็ง และประสิทธิภาพในการชะลอและหยุดการแพร่ของเชื้อมะเร็ง ซึ่งก็เป็นความหวังอีกอย่างหนึ่งให้แก่ผู้ป่วยเหล่านี้ หากเราต้องการที่จะรับประทานงาดำเป็นอาหารเสริมนั้น หลักง่ายๆที่ควรทราบและจำให้ดีคือ ควรจะรับประทานน้ำมันงาดำที่อยู่รูปของน้ำมันเย็นสกัดด้วยความดันสูง และถ้าให้ดี ก็ควรบรรจุในแคปซูลซึ่งสามารถป้องกันแสงและอากาศไม่ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำมัน เพราะสารที่มีในงาดำเหล่านี้มีสภาพคงตัวและละลายได้ดีในรูปของน้ำมัน การสกัดน้ำมันงาดำเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารเสริมในรูปแบบที่ไม่เป็นธรรมชาตินั้นขัดกับหลักชีวะโมเลกุล อาจทำให้ได้สารที่ต้องทำงานด้วยกันไม่ครบถ้วน ดังนั้น การรับประทานงาดำให้ได้ประโยชน์นั้นจึงควรเป็นแบบน้ำมันงาดำสกัดเย็น หรือว่าในรูปเมล็ดงาบดละเอียดเท่านั้น ที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์ทางด้านสุขภาพสูงสุดจากการบริโภคงาดำ

 

 

Advertisements

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>